คำแนะนำสำหรับการให้ยาขับธาตุเหล็ก:
การให้เลือดอย่างสม่ำเสมอ จำเป็นในการรักษาผู้ป่วยธาลัสซีเมียที่ซีดมาก ข้อเสียอย่างหนึ่งของการให้เลือดคือ ธาตุเหล็กจากเลือดที่ได้รับจะสะสมอยู่ในอวัยวะต่าง ๆ เช่น ตับ ตับอ่อน หัวใจของผู้ป่วยซึ่งจะมีผลเสียต่ออวัยวะต่าง ๆ เหล่านั้น
เดสเฟอราล (Desferal) เป็นยาที่ฤทธิ์ขับธาตุเหล็กที่เกินอยู่ในร่างกายออกไปได้ โดยยาจะจับธาตุเหล็กในร่างกาย และส่วนใหญ่ธาตุเหล็กจะถูกขับออกทางปัสสาวะ
นิยมฉีดเดสเฟอราลเข้าใต้ผิวหนังในเวลากลางคืนสัปดาห์ละ 4-7 ครั้ง ทั้งนี้สุดแล้ว แต่ปริมาณธาตุเหล็กที่เกินอยู่
สามารถให้เดสเฟอราลเข้าเส้นได้เช่นกัน
การฉีดยาควรให้ช้า ๆในเวลาประมาณ 10-12 ชั่วโมง เพื่อให้ยามีเวลาออกฤทธิ์ได้นาน
ขั้นตอนในการให้ยาเดสเฟอราล
:
เตรียมอุปกรณ์
- ยาเดสเฟอราลขนาด 500 มิลลิกรัมต่อขวด
- น้ำกลั่น (Distilled water for injection) ขนาด 5 มิลลิลิตร
- กระบอกฉีดยา (syringe) ขนาด 5 มิลลิลิตร
- เข็มเบอร์ 20 (20 G ) สำหรับดูดยา
- เข็มปีกผีเสื้อมีสายสำหรับให้ยา เบอร์ 25 หรือ 27 (25 G, 27 G)
- สำลีสะอาด
- แอลดอฮอล์ 70%
- เทปไมโครพอร์ (micropore) ขนาด 1 นิ้ว
- ใบเลื่อยสำหรับตัดขวดน้ำกลั่น
- เครื่องมือขับยาธาตุเหล็ก (Infusionpump)
การเตรียมยาและการให้ยา
ล้างมือให้สะอาด เช็ดมือให้แห้ง
- ใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์ เช็ดคอขวดน้ำกลั่นและจุกยางขวดยาเดสเฟอราล
- ใช้ใบเลื่อย เลื่อยคอขวดน้ำกลั่น
- สวมเข็มเบอร์ 20 เข้ากับกระบอกฉีดยา
- ดูดน้ำกลั่นเข้ากระบอฉีดยา
- แทงเข็มของกระบอกฉีดยาผ่านจุกยางของขวดยาเดสเฟอราลจนมิดเข็ม
- ดันน้ำกลั่นลงไปผสมกับยา เขย่าขวดจนยาละลายหมด
- คว่ำขวดยา และเลื่อนปลายเข็มลงมาใกล้จุกขวด
- ดูดยาที่ละลายแล้วทั้งหมดมาเข้ากระบอกฉีดยา
- ปลดเข็มออก สวมเข็มปีกผีเสื้อเข้ากับกระบอกฉีดยาแทน
- ไล่อากาศที่อยู่ในสายออกโดยดันยาขึ้นไปจนเกือบถึงโคนเข็ม
- ใส่กระบอกฉีดยาเขากับเครื่องมือขับยา (pump) จัดยึดให้กระชับ เลื่อนส่วนดันยาของเครื่องมาจนชดกระบอกสูบ
- เช็ดทำความสะอาดผิวหนังบริเวณที่จะฉีดยาด้วยสำลีชุบแอลกอฮอล์
- ใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้คืบหนังและชั้นใต้หนังขึ้นมา แทงเข็มปีกผีเสื้อทำมุม 45องศา ผ่านผิวหนังลงไปจนถึง ชั้นใต้หนังปิดเทปทับเข็มและผิวหนังกันเข็มเลื่อน
- เปิดเครื่องมือขับยา ซึ่งตั้งเวลาไว้แล้วโดยให้ขับยาหมดในเวลาประมาณ 10 ชั่วโมง
- คอยสังเกตปฏิกริยาที่ผิวหนังบริเวณที่ฉีดยา
- เมื่อยาหมด ปิดเครื่องมือขับยา และถอนเข็มออก สวมปลอกเข็มแล้วทิ้งเข็มและกระบอกฉีดยาลงในภาชนะที่เหมาะสม
ข้อแนะนำในการเลือกบริเวณที่จะฉีดยา
ควรหมุนเวียนบริเวณผิวหนังที่จะฉีดยาเพื่อลดความบอบซ้ำของผิวหนังที่ถูกฉีด และเพื่อให้ยาถูกดูดซึมได้ดีด้วย นิยมฉีดบริเวณต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง ดังภาพ
ควรจดบันทึกวันที่ที่ฉีด บริเวณที่ฉีด จำนวนยาและปฏิกริยาที่เกิดขึ้น หากมี
การเก็บยา
- การเก็บยาให้พ้นมือเด็ก
- เก็บยาในที่เย็น และมืด ไม่ถูกแสงแดด
- เมื่อผสมยาด้วยน้ำกลั่นแล้ว ควรใช้ให้หมดภายใน 24 ชั่วโมง
ปฏิกริยาข้างเคียงของยาเดสเฟอราล
ระหว่างที่ได้รับยา ผู้ป่วยจะถ่ายปัสสาวเป็นสีส้มจนถึงสีน้ำตาล เนื่องจากมีธาตุเหล็กถูกขับออกมาไม่มีอันตรายใด ๆ
อาจมีผลข้างเคียงจากการให้ยา เช่น บวม แดง ร้อน บริเวณที่ถูกฉีดยา แต่จะหายไปภายใน 24 ชั่วโมง ควรประคบบริเวณที่บวมด้วยน้ำอุ่นหรือกินยาแก้แพ้
อาการแพ้ยาอาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน ควรแก้ไขดังนี้
- แพ้เล็กน้อย : มีอาการคัน น้ำตาไหล จาม มีไข้ แก้ไขโดยให้ยาแก้แพ้พวก แอนติฮิสตามีน (antihistamine) กิน และรายงานแพทย์
- แพ้รุนแรง : จาม หายใจขัด เจ็บหน้าอก ปากบวม หนังตาบวม
แก้ไขโดยรีบหยุดยา และติดต่อแพทย์โดยด่วน
การติดตามดูผลของการให้ยา
การให้ยาขับธาตุเหล็กในผู้ป่วยที่มีธาตุเหล็กเกินมาก และผู้ป่วยที่ได้รับเลือดอย่างสม่ำเสมอ ควรได้รับเดสเฟอราลอย่างน้อยสัปดาห์ละ 4 ครั้ง จึงจะมีประสิทธิผลในการกำจัดธาตุเหล็กที่เกินอยู่
ควรตรวจสอบปริมาณธาตุเหล็กในร่างกายโดยการตรวจเลือดหาธาตุเหล็ก (ซีรั่ม เฟอไรติน) ทุก 6 เดือน เพื่อให้แน่ใจว่าได้รับยาขับธาตุเหล็กอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากธาตุเหล็กเกิน